
DR-Site หรือ Disaster Recovery Site เป็น Backup Solution สำรองข้อมูลในกรณีที่ระบบหลักเกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากภัยพิบัติตามธรรมชาติหรือจากฝีมือของมนุษย์ ก็สามารถใช้ข้อมูลที่สำรองไว้มาทำงานต่อได้ทันที ส่วนค่าบริการการทำ DR-Site นั้นก็ไม่ได้แพงมากอย่างที่ใครหลายคนคิดอีกด้วย
ทำความรู้จักก่อนนำมาใช้งาน
ประเภทของ DR-Site มีอยู่ 3 แบบ โดยแบ่งตามรูปแบบการทำงาน ดังนี้
- Hot Site เป็น Site ที่ออกแบบ Software และ Hardware ให้เหมือนกับของระบบหลักที่ใช้งานอยู่ ซึ่ง Hot Site จะมีการ Backup ข้อมูลของระบบหลักตลอดเวลา ในกรณีที่ระบบหลักเกิด Downtime ตัว Hot Site นี้จะเข้ามาทำงานแทนทันที เพื่อให้ User ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่แน่นอนว่าก็มีค่าบริการสูงที่สุดในกลุ่ม DR-Site ด้วยเช่นกัน
- Cold Site เป็นระบบสำรองที่มีการ Backup ระบบเอาไว้บ้าง แต่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน ซึ่งการจะเปิดใช้งานแต่ละครั้งต้องมีทีมผู้ชำนาญการเข้ามาดูแลและตั้งค่าต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน ดังนั้นจึงกินเวลามาก แต่ก็มีข้อดี คือ ค่าบริการราคาถูกที่สุดในกลุ่ม DR-Site
- Warm Site เป็นตัวเลือกที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Hot กับ Cold Site กล่าวคือ Warm Site จะมีการ Backup ข้อมูลและมีอุปกรณ์ Server ติดตั้งเอาไว้ระดับหนึ่ง โดยจะสามารถเปิดใช้งานได้เร็วกว่า Cold Site แต่ต้องมีการอัพเดทระบบให้เหมือนกับระบบหลักที่เกิด Downtime ก่อนจึงจะใช้งานได้ ในส่วนของราคาก็จะแพงกว่า Cold site แต่ไม่ถึงระดับ Hot Site
เลือก DR-Site ให้เหมาะกับองค์กร
ด้วยความที่ DR-Site มีให้เลือกถึง 3 แบบ ตาม Solution การใช้งาน ดังนั้นเพื่อจะประหยัดค่าใช้จ่าย และเลือกใช้ได้เหมาะสมกับงานมากที่สุด จึงควรศึกษาจุดเด่นเฉพาะตัวของ DR-Site แต่ละแบบให้ดี
Hot Site : เป็นระบบที่ดีที่สุดและราคาแพงที่สุดในกลุ่ม DR-Site โดยมันจะมีลักษณะเหมือนกับ Site หลักทุกประการ ระบบจะทำการ Backup ทุกอย่างใน Site หลักมาไว้ที่ Hot Site อยู่ตลอด เมื่อระบบหลักเกิด Downtime ขึ้นมา ก็สามารถนำ Hot Site มาใช้งานแทนได้ทันที
องค์กรที่เหมาะกับ Hot Site คือ องค์กรที่ทำงานในระบบออนไลน์เป็นหลัก มีข้อมูลที่สำคัญต่อระบบการทำงานและรายได้ทั้งหมดของทั้งองค์กร รวมทั้งมี Service สำคัญซึ่งมี User ใช้บริการอยู่จำนวนมาก
Cold Site : เป็น Site สำรองที่ติดตั้งแค่ระบบพื้นฐานพวก HVAC (Heating, Ventilation, Air Conditioning) รวมทั้งระบบไฟฟ้า และ Network connectivity เท่านั้น ไม่มีระบบสำรองในส่วนของข้อมูลต่างๆ จึงต้องใช้เวลาในการเตรียมระบบด้วยทีมผู้ชำนาญการสักระยะหนึ่งถึงจะสามารถใช้งานได้
สำหรับ Cold Site จะเน้นการใช้งานเป็น Site สำรองในกรณีที่ Site หลักมีปัญหาจนใช้งานไม่ได้เป็นเวลานาน เช่น เกิดอัคคีภัยหรือภัยธรรมชาติใหญ่ๆ ที่ทำให้อาคารที่ติดตั้ง Site หลักเสียหายจนใช้งานไม่ได้ ก็จะสามารถนำ Cold Site มาใช้แทนชั่วคราวได้ เพราะฉะนั้นจึงสามารถเลือกสถานที่ติดตั้ง Cold Site ให้อยู่คนละที่กับ Site หลักได้ แต่ด้วยฐานะที่เป็น Site สำรองกรณีเหตุสุดวิสัย การบูตระบบจึงใช้เวลานานที่สุดในกลุ่ม DR-Site และต้องมีการเตรียม Backup มาในอุปกรณ์สำรองข้อมูลอีกด้วย
Warm Site : เป็นระบบที่มีความครอบคลุมรองจาก Hot Site นิดหน่อย โดยจะ Backup ข้อมูลเป็นระยะ ไม่ได้ทำงานอยู่ตลอด และใช้เวลาร่วมชั่วโมงเพื่อเตรียมระบบให้พร้อมกว่าจะสามารถทำงานแทนระบบหลักได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บริการ Warm Site ก็สามารถติดตั้ง Software หรือ Hardware เอาไว้ล่วงหน้าให้มันทำงานเกือบใกล้เคียง Hot Site ได้เหมือนกัน
Warm Site เหมาะกับบริษัทที่พึ่งพาระบบ Cloud ในการทำงาน และต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายจาก Hot Site โดยสามารถรอเวลาการบูตระบบได้ประมาณหนึ่ง