Tech Trending

IoT ที่จะเข้ามามีบทบาทกับเรามากขึ้นในอนาคต

Published : July 6, 2017Time : 1 min read

ต่อจากนี้ Internet of Things จะเป็นคำที่ใกล้ตัวหลายๆ คนยิ่งกว่าเดิม เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วในปัจจุบันทำให้เราสามารถที่จะควบคุมจัดการอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สวมใส่ (Wearables), อุตสาหกรรม, บ้านและครัวเรือน, สุขภาพ, ยานยนต์ เป็นเรื่องง่าย และต้นทุนต่ำ

จุดบ่งชี้ที่บอกได้ว่า IoT จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคต นั่นคือเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตนั้นได้รับความนิยมและใช้งานกันอย่างกว้างขวาง ผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต และจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแบบก้าวกระโดดนั้น เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ IoT เริ่มแพร่หลายเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

หลักการของ IoT นั้นจะทำงานโดยการอ่าน IP จาก RFID ของ User ที่ถืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับ IoT เอาไว้ เช่น ตู้เย็น หรือหลอดไฟ ที่เชื่อมต่อ Wifi ได้ แล้วใช้สมาร์ทโฟนควบคุมการทำงานผ่านทางอินเทอร์เน็ตให้อุปกรณ์นั้นๆ ตอบสนองการทำงาน และปริมาณของอุปกรณ์ประเภทนี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตถึง 20.8 พันล้านเครื่องในปี 2020 (นั่นคืออีก 4 ปีข้างหน้า)

ประโยชน์ที่ User จะได้รับ คือ การนำเสนอสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของต้องการและเก็บพฤติกรรมการใช้งานของ User คนนั้นๆ แล้วประมวลผลการทำงานต่างๆ แทน User เช่น ถ้าบ้านนี้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อไหนเป็นหลักหรือดื่มนมยี่ห้อใดเป็นพิเศษ ตู้เย็นที่เป็นระบบ IoT เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้จะคอยสังเกตว่าของชิ้นนั้น ๆ ที่ User ใช้หมดไปหรือยัง ซึ่งมันอาจจะสั่งสินค้าชิ้นนั้น ๆ มาให้เราแบบอัตโนมัติทันทีเมื่อมันสังเกตได้ว่าวัตถุดิบนั้น ๆ หมดไปแล้วเป็นต้น

กล่าวคือ เจ้า IoT นั้นจะเข้ามามีบทบาทเหมือนพ่อบ้าน หรือเลขาส่วนตัวในชีวิตของเราทีเดียว เนื่องจากความสะดวกสบายต่างๆ ที่ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบของผู้คนในปัจจุบันนี้นั่นเอง และด้วยเทคโนโลยีนี้จะยิ่งเร่งให้มีการปรับมาใช้ IPv6 เร็วขึ้นกว่าเดิม นั่นเพราะปริมาณของ IPv4 ที่รองรับเพียง 4.3 พันล้าน Address นั้นจะหมดลงอย่างรวดเร็ว และ IoT ยังส่งเสริมให้การวิจัยนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้น ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

และไม่ใช่แค่ระดับครัวเรือนที่ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวที่ติดต่อกับสิ่งต่างรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นทางการเดินทางที่ไม่พบปัญหาการจราจรหรือแม้แต่เลือกสิ่งที่เราสนใจมาให้เราเท่านั้น เพราะว่า IoT ถ้าปรับไปใช้งานในฐานะของ Smart Cities ที่เป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้นเพื่อควบคุมและระวังภัยส่วนต่าง ๆ และเพิ่มความสะดวกสบายในการดูแลส่วนต่าง ๆ ของเมืองอย่างทั่วถึงอีกด้วย

นั่นหมายความว่าเมืองทั้งเมืองจะทำงานแบบ Augmented โดยอ่าน RFID ของ User คนนั้น ๆ เพื่อเลือกแสดงผลโฆษณาหรือสื่อที่พวกเขาสนใจได้ทันทีเพื่อเพิ่มยอดขายและทำให้การประมาณการผลิตได้อย่างละเอียดกว่าเดิม ลดการเปลืองทรัพยากรและเพิ่มคุณภาพการผลิตที่สูงสุดอีกด้วย

ซึ่งอีกไม่นานนี้ IoT ที่เกิดจากการเติบโตของอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วนั้นจะมีบทบาทใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน ซึ่งไม่นานนี้เราจะได้เห็นเทคโนโลยีนี้แพร่หลายในหมู่ประชาชนอย่างแน่นอน

AUTHOR
Author
NIPA Cloud
Writer

We—as a team of Thai people—are assured that Thai cloud is the absolute answer for driving your business in the digital era.